ช่วยเหลือน้องหมากำพร้าให้มีบ้านอยู่กันนะคะ
วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
"มิตรภาพที่สวยสดงดงามระหว่างคุณกับสัตว์เลี้ยงนั้นมีค่ามากมาย มันคือความสัมพันธ์ที่ดี
และมีค่าตลอดชีวิต"
"คุณรักสุนัขหรือเปล่า?"
ถ้าคำตอบคือ "ใช่" ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นมากทีเดียว และคำถามต่อมาคือ
"คุณพร้อมจะรับผิดชอบสุนัขตลอดระยะเวลา 12 ปี (อายุเฉลี่ยของสุนัข) ที่ต้องเลี้ยงดู
หรือเปล่า?"ถ้า "ใช่" เราก็เริ่มลงมือหาสุนัขที่เหมาะกับใจสักตัวได้แล้ว การที่เราจะเลือก
เลี้ยงน้องหมาสัก1ตัวนั้นเราก็จะมีความพร้อมในการการเงิน สถานที่ และปัจจัยหลายๆอย่าง
แต่ที่สำคัญก็คือ ความรัก การดูแลเอาใจใส่ แต่ความต้องการของเราคือ เลี้ยงเค้าไว้เป็นเพื่อน
แก้เหงา บางคน หรือคนส่วนใหญ่มีความผูกพันกับสุนัขที่เลี้ยงเป็นอย่างมากจนถือว่าสุนัขเป็น
สมาชิกในครอบครัว โดยให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ของครอบครัว แต่บางครอบครัวนั้น
ก็เลี้ยงเค้าไว้แค่เฝ้าบ้าน สุนัขทุกตัวต้องการความรักจากเจ้าของทุกตัว อย่างตอนแรกที่
เราจะเลือกเค้ามาเลี้ยง เราก็จะต้องเลือกซื้อจากฟาร์มที่น่าเชื่อถือได้ อายุ2เดือนขึ้นไปและ
เราชอบแบบไหนพันธุ์เล็กหรือพันธุ์ใหญ่ การที่เรานำเค้ามาเลี้ยงแล้วนั้นเราก็ต้องดูแลเรื่อง
สุขภาพร่างการของเค้า ด้วยตั้งแต่หัวจรดเท้าของมัน และที่สำคัญคือการให้วัคซีน เพื่อนที่
เค้าจะมีสุขภาพร่างการที่ดีและอยู่กับเราไปนานๆ และคิดให้ดีดีก่อนที่เค้าจะกลายเป็นหมาจรจัด
และปัญหาสังคมก่อนนะครับ และการดูแลสุขภาพน้องหมานั้นมันจำเป็นและสำคัญเป็นอย่างมาก
งั้นเรามาดูสิคะ ว่าเราต้องดูแลนั้นมีอะไรบ้าง
วัดที่รับเผาน้องหมา
1.วัดยาง 0-2332-2499 ซอยอ่อนนุช อยู่เยื้องกับซอยอ่อนนุช 30 หลวงพี่หมู ค่าใช้จ่ายสำหรับพันธุ์เล็กแล้วแต่บริจาคเผาโดยใช้แก๊ส หลังจากเผาเสร็จ วันรุ่งขึ้นไปรับกระดูกกลับมาที่บ้านได้
3. รพ.สัตว์โรจน์นิรันดร์ 0-2746-5370-1 ซอยสุขุมวิท 103 อันนี้สำหรับคนไม่มีรถ เค้ามีรถมารับถึงบ้าน แต่อาจจะนานหน่อย แล้วแต่สายรถจะมาถึงหรือเปล่า ค่าเผา ถ้าน้ำหนัก ประมาณ9 กก จะประมาณ 800 ราคาเค้าคิดตามน้ำหนัก ค่ารถรับต่างหาก เค้าจะนำไปเผาให้ แล้วให้เลือกว่าจะรับกระดูกกลับหรือไม่ (จะส่งไปรณีย์มาให้ สอง-สามวัน หลังจากมารับศพ พร้อมรูปถ่าย)
4. วัดคลองเตยใน 086-044-9957 อยู่แถวๆกรมศุลกากร ถ้าเริ่มจากห้าแยก ณ ระนอง ตรงตลาดปีนังเข้าไปทางคลังน้ำมัน จะผ่านตึกลอกซเลย์ ลอดใต้ทางด่วนตรงไปจนถึงคลังน้ำมัน เลี้ยวซ้าย เข้าไปตามทางแล้วจะเจอวัด 1,500-2,000 บาท (เฉพาะค่าบำรุงเตา) คุณลุงสำเภา ที่เป็นคนเผาแกทำให้อย่างดี รับจัด มีเตาเผาสุนัขโดยเฉพาะ เตาเผาเป็นเตาไฟฟ้า แบบเดียวกับของคน แต่ขนาดเล็กกว่า บอกว่ามีแห่งเดียวในประเทศ และยังสามารถเชิญพระมาทำพิธีให้ด้วย หลังเผาอยากไปลอยอังคารก็จะมีเรือพาไปที่ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา ที่นี้มีสุสานสำหรับสุนัขด้วย แต่ว่ามันเต็มแล้ว ส่วนมากสุสานสุนัข
ที่มาฝังจะเป็นของชาวต่างชาติ ต้องไปให้ถึงภายใน 5 โมงเย็น ถ้าไม่นำกระดูกกลับมีรับไปลอยอังคารให้เลย แล้วเค้าจะโทรบอกตอนจะลอยอีก 5 World Pet Angel "0-2509-2001, 0-2509-2039,
0-25092060, 0-25092053 http://www.wpa.co.th
5. อยู่แถวซอยนวลจันทร์ เกษตร-นวมินทร์ (เคยลงว่า Golden Retreiver น้ำหนัก 25 กก. คิดค่าบริการ 2,500 บาท แต่อาจขึ้นแล้ว) พูเดิ้ลทอย ประมาณ 1,500 ถ้าเป็นคอกเกอร์ จะ 3,000 มีค่าบริการต่างหาก ค่าบริการขึ้นกับสายพันธุ์สัตว์มากกว่า อันนี้จะเผาเหมือนกัน ทำพิธีดี สถานที่ดี เขาเก็บกระดูกให้ด้วย แล้วมีโถให้เก็บกระดูกด้วยมีให้เลือก รับกลับ จะไปรับวันหลัง หรือรอรับเลยก็ได้
6.วัดผาสุกมณีจักร ในเมืองทองธานีก็รับเผาค่ะ ทั้งหมดนี้เป็นวัดในกรุงเทพนะคะ ต่างจังหวัดก็คงต้องฝังกันล่ะค่ะ จริงๆถ้าเป็นบ้านที่มีบริเวณ มีที่ดินซักหน่อย ก็แนะนำให้ฝังน้องหมาที่บ้านดีกว่าค่ะ เค้าจะได้อยู่กับเรา คอยเฝ้าบ้านให้เราได้(ผีหมา คงดุ2เท่า) และเราเองก็อุ่นใจเหมือนว่าเค้ายังอยู่กับเราใกล้ๆ แต่จริงๆแล้วอย่าไปยึดติดกับมันมากเลยนะคะ ถึงแม้เราจะรักเค้ามากแค่ไหน แต่ถ้าเรามีเหตุจำเป็นจริงๆ ที่ไม่สามารถจะพาเค้าไปเผาหรือฝังได้ เราก็อาจจะต้องใส่ถุงดำปิดปากถุงให้มิดชิด แล้วเอาไปทิ้งก็ได้ จริงๆแล้วความเสียใจก็คงไม่ต่างกัน เราอาจจะรักน้องหมาเหมือนๆกัน แต่เราอาจมีวิธีและความจำเป็นในการจัดการต่างกัน ถึงเราจะจัดการกับร่างไร้วิญญาณของเค้าอย่างไร เค้าก็ยังคงรักเราเสมอ และไม่โกรธเราหรอกนะคะ ที่สำคัญที่สุดคือวิธีที่เราปฏิบัติกับเค้า
วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
วิธีดูอาการป่วยของน้องหมา 2
กรณี 2
1)
ฮอตฮิตอันดับ 1 คือ
"ท้องเสีย พุ่งเป็นสายน้ำ เบื่ออาหาร มีเมือก มูกเลือดปน อ่อนเพลียมาก"
*** งดอาหาร ถ้าเขายังกินน้ำได้ ให้ทานน้ำ+ผงเกลือแร่ของคนค่ะ
***แล้วนำส่ง รพ. ค่ะ
"ท้องเสีย พุ่งเป็นสายน้ำ เบื่ออาหาร มีเมือก มูกเลือดปน อ่อนเพลียมาก"
*** งดอาหาร ถ้าเขายังกินน้ำได้ ให้ทานน้ำ+ผงเกลือแร่ของคนค่ะ
***แล้วนำส่ง รพ. ค่ะ
2)กล้ามเนื้อลีบ
อย่างเห็นได้ชัด
***ส่ง รพ.ค่ะ
***ส่ง รพ.ค่ะ
3)พบก้อนเนื้องอก
มีหนองไหล (ไม่ใช่จากการฉีดยานะคะ)
***ให้ คุณหมอ ตรวจวินิจฉัยชิ้นเนื้อ ที่ รพ. เลยค่ะ...
***ว่าเป็น เนื้องอกจากมะเร็งหรือไม่...
***ให้ คุณหมอ ตรวจวินิจฉัยชิ้นเนื้อ ที่ รพ. เลยค่ะ...
***ว่าเป็น เนื้องอกจากมะเร็งหรือไม่...
4)อ้วก +
ถ่ายออกมาเป็นตัวพยาธิ
***ไปให้หมอจัดยา ถ่าย โดยด่วนเลยค่ะ
***ไปให้หมอจัดยา ถ่าย โดยด่วนเลยค่ะ
5)เป็นแผลแล้วเลือดไหลไม่หยุด
นาน เป็น 1-2 ชม.
***นำส่ง รพ.ค่ะ อาจเป็นโรคเกล็ดเลือดไม่แข็งตัวค่ะ
***นำส่ง รพ.ค่ะ อาจเป็นโรคเกล็ดเลือดไม่แข็งตัวค่ะ
6)ขี้เรื้อน
***ให้หมอจัดยาให้เลยค่ะ...
***อย่าลืมว่า ขี้เรื้อนมี 2 ประเภทนะคะ บางครั้งยิ่งรักษาเองยิ่งลามค่ะ
***ให้ หมอ ส่งตรวจ ...เพื่อให้ยาได้ถูกชนิดค่ะ
***ให้หมอจัดยาให้เลยค่ะ...
***อย่าลืมว่า ขี้เรื้อนมี 2 ประเภทนะคะ บางครั้งยิ่งรักษาเองยิ่งลามค่ะ
***ให้ หมอ ส่งตรวจ ...เพื่อให้ยาได้ถูกชนิดค่ะ
7)แท้งลูกติดต่อกันหลายครั้ง
*** ระวัง โรคแท้งติดต่อในสุนัขค่ะ เป็นzoonosis ซึ่งติดคนได้ค่ะ
***ส่ง รพ. เพื่อตรวจหาเชื้อค่ะ
*** ระวัง โรคแท้งติดต่อในสุนัขค่ะ เป็นzoonosis ซึ่งติดคนได้ค่ะ
***ส่ง รพ. เพื่อตรวจหาเชื้อค่ะ
โรคพิษสุนัขบ้า
***อย่าจับ เด็ดขาดค่ะ
***เป็นเชื้อไวรัส ที่ติดคน และทำให้คนตายได้ค่ะ...
***ถ้าสงสัย ให้ เลี่ยงการสัมผัส แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ จะดีที่สุดค่ะ
***อย่าจับ เด็ดขาดค่ะ
***เป็นเชื้อไวรัส ที่ติดคน และทำให้คนตายได้ค่ะ...
***ถ้าสงสัย ให้ เลี่ยงการสัมผัส แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ จะดีที่สุดค่ะ
วิธีดูอาการป่วยของน้องหมา
กรณี 1
อย่าตื่นเต้นมากค่ะ... ถ้าเขา
1)อาเจียน น้อยกว่า 3 ครั้ง/วัน
***งดอาหาร เพื่อให้ทางเดินอาหารได้พัก
***ถ้าไม่อาเจียนแล้ว ให้อาหารเหลว อ่อนๆได้,น้ำ
***ถ้าโดนยาเบื่อ ให้ กรอกไข่ขาวลงไป 1ฟอง ให้เขาอาเจียนออกมาให้หมด
จำฉลากยา หรือเอาไปทั้งขวด นำส่งรพ.ค่ะ
อย่าตื่นเต้นมากค่ะ... ถ้าเขา
1)อาเจียน น้อยกว่า 3 ครั้ง/วัน
***งดอาหาร เพื่อให้ทางเดินอาหารได้พัก
***ถ้าไม่อาเจียนแล้ว ให้อาหารเหลว อ่อนๆได้,น้ำ
***ถ้าโดนยาเบื่อ ให้ กรอกไข่ขาวลงไป 1ฟอง ให้เขาอาเจียนออกมาให้หมด
จำฉลากยา หรือเอาไปทั้งขวด นำส่งรพ.ค่ะ
2)ท้องเสีย ถ่ายเหลว
***ไม่มีมูกเลือด และไม่ ถ่ายบ่อยเกินไปจากปกติที่เขาถ่ายอยู่
***หรือ มีมูกเลือด...แต่ยังกินอาหาร และไม่ถ่ายพุ่งเป็นน้ำ
***งดอาหาร เพื่อให้ทางเดินอาหารได้พัก
และให้อาหารแบบอ่อนๆถ้าเขายังทานได้ปกติ...และให้น้ำ+ผงเกลือแร่
*** ให้รอดูอีกครั้งในวันนั้น ว่ามูกเลือดหายไปหรือยัง(เพราะอาจเกิดจากการที่เขากินอะไรแปลกๆเข้าไปค่ะ ..อาจจะไม่ใชลำไส้อักเสบก็ได้)
***ไม่มีมูกเลือด และไม่ ถ่ายบ่อยเกินไปจากปกติที่เขาถ่ายอยู่
***หรือ มีมูกเลือด...แต่ยังกินอาหาร และไม่ถ่ายพุ่งเป็นน้ำ
***งดอาหาร เพื่อให้ทางเดินอาหารได้พัก
และให้อาหารแบบอ่อนๆถ้าเขายังทานได้ปกติ...และให้น้ำ+ผงเกลือแร่
*** ให้รอดูอีกครั้งในวันนั้น ว่ามูกเลือดหายไปหรือยัง(เพราะอาจเกิดจากการที่เขากินอะไรแปลกๆเข้าไปค่ะ ..อาจจะไม่ใชลำไส้อักเสบก็ได้)
3)ท่าเดิน
ท่าวิ่งผิดปกติ ในบางครั้ง
***อันนี้จะเจอมากในหมาเด็กค่ะ
***เกิดจากการที่เขาอยากวิ่งให้เร็วเท่าที่ใจเขาคิดอ่ะค่ะ...555+
***ถ้าเขากระเผกบ่อยๆ ให้ใช้มือคลำเบาๆ ถ้าเขาเจ็บ..เขาจะดึงขาออกจากมือเราค่ะ..
***ไล่ตามขา ดูแผล...ถ้ามีแผล ให้ใช้ทิงเจอร์ไอโอดีนของคน ใส่แผลค่ะ
***ถ้าเป็นหนอง...คุณบุ้งแนะนำให้ใช้ ผงพิเศษแต้มค่ะ
***อันนี้จะเจอมากในหมาเด็กค่ะ
***เกิดจากการที่เขาอยากวิ่งให้เร็วเท่าที่ใจเขาคิดอ่ะค่ะ...555+
***ถ้าเขากระเผกบ่อยๆ ให้ใช้มือคลำเบาๆ ถ้าเขาเจ็บ..เขาจะดึงขาออกจากมือเราค่ะ..
***ไล่ตามขา ดูแผล...ถ้ามีแผล ให้ใช้ทิงเจอร์ไอโอดีนของคน ใส่แผลค่ะ
***ถ้าเป็นหนอง...คุณบุ้งแนะนำให้ใช้ ผงพิเศษแต้มค่ะ
4)ตาแดง
***ใช้ยาหยอดตาของคนได้ค่ะ(แต่ต้องปรึกษาสัตวแพทย์ด้วย)
***ใช้ยาหยอดตาของคนได้ค่ะ(แต่ต้องปรึกษาสัตวแพทย์ด้วย)
5)เป็นผื่น
แล้วหายภายใน 1-2 วัน
*** เปลี่ยน ผ้ารองนอน
***เปลี่ยนแชมพู หรืออาหาร
***ดูแล บริเวณตรงนั้นไม่ให้เปียกชื้น...ทาด้วยแป้งเด็กก็ได้ค่ะ
*** เปลี่ยน ผ้ารองนอน
***เปลี่ยนแชมพู หรืออาหาร
***ดูแล บริเวณตรงนั้นไม่ให้เปียกชื้น...ทาด้วยแป้งเด็กก็ได้ค่ะ
6)เลือดกำเดาไหล
***เอาน้ำแข็งประคบตรง บนจมูก
***ไม่ใช่ส่วนปลายจมูก(สีดำ)นะคะ ประมาณกึ่งกลางจมูกเขาอ่ะค่ะ
***ถ้าไหลบ่อย เกินไป ...ให้ไปเช็คเลือดค่ะ...
***เอาน้ำแข็งประคบตรง บนจมูก
***ไม่ใช่ส่วนปลายจมูก(สีดำ)นะคะ ประมาณกึ่งกลางจมูกเขาอ่ะค่ะ
***ถ้าไหลบ่อย เกินไป ...ให้ไปเช็คเลือดค่ะ...
7)บวมตรงที่ฉีดยา
***ใช้มือคลึงเบาๆ สักพักจะยุบค่ะ
***ถ้า 3 วันแล้วยังไม่ยุบ ให้หมอเจาะเอาของเหลวข้างในออกมาค่ะ
***ใช้มือคลึงเบาๆ สักพักจะยุบค่ะ
***ถ้า 3 วันแล้วยังไม่ยุบ ให้หมอเจาะเอาของเหลวข้างในออกมาค่ะ
ตัวร้อน น้ำมูกไหล
ซึม
***อันดับแรก คือ ใจเย็นๆค่ะ....
***เช็ดตัวด้วยน้ำเปล่า
(ถ้าร้อนมากใช้ น้ำเย็น....กันเขาช็อคได้ค่ะ)
(ถ้าร้อน ขนาดเขาไม่ได้สติ ต้องนำส่ง รพ.นะคะ..)
***น้ำมูกไหล...ยาลดน้ำมูกของเด็ก ช่วยได้ค่ะ...
***อาการ
ซึม เกิดจากหลายสาเหตุเลยค่ะ เช่น ***อันดับแรก คือ ใจเย็นๆค่ะ....
***เช็ดตัวด้วยน้ำเปล่า
(ถ้าร้อนมากใช้ น้ำเย็น....กันเขาช็อคได้ค่ะ)
(ถ้าร้อน ขนาดเขาไม่ได้สติ ต้องนำส่ง รพ.นะคะ..)
***น้ำมูกไหล...ยาลดน้ำมูกของเด็ก ช่วยได้ค่ะ...
"หมาเซ็ง" --- "หมางอน" --- "หมาขี้เกียจ" ---- "หมาอารมณ์แปรปรวน" --- "หมาเบื่อ" --- ....แม้กระทั่ง "หมาป่วย" ค่ะ....
โรคที่อาจเกิดกับสุนัขได้ในหน้าร้อน
เมื่อตัดสินใจเลือกหาสัตว์มาเลี้ยงแล้ว สิ่งที่วนเวียนอยู่ในความคิดอาจมีเพียง
ต้องให้อาหารอย่างไรดี หรือถ้าเป็นยุคนี้หลายคนคิดเลยไปถึงการหาเสื้อผ้ากิ๊บเก๋ให้สุนัขน่ารัก
น่าอุ้มที่สุด แต่สุขภาพที่ดีภายนอกไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ก็ย่อมเกิดจากภายใน ดังนั้น
นอกจากการให้อาหารที่ดี มีคุณค่าทางโภชนาการเหมาะสมกับวัยของสัตว์แล้ว
การป้องกันโรคเบื้องต้น ยังนับเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้เลี้ยงควรคำนึงถึงอย่างยิ่ง โดยโรคที่เกิดขึ้นมากและจำเป็นต้องให้สุนัขได้รับการฉีดวัคซีน
เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวสัตว์ ได้แก่
โรคพิษสุนัขบ้า
โรคพิษสุนัขบ้า
โรคนี้คงไม่ต้องให้สาธยายถึงความร้ายกาจ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า มีอันตรายถึงชีวิตทั้งคนและสัตว์ ติดต่อผ่านการสัมผัสน้ำลายของสัตว์ป่วย เกิดจากเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า "เรบีส์ ไวรัส" ก่อให้เกิดอาการต่างๆ ที่เป็นผลจากการอักเสบของเนื้อเยื่อประสาทและสมอง แม้ปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาสัตว์ที่ติดเชื้อแล้วให้หายได้ แต่การป้องกันมิให้สุนัขเป็นบ้า สามารถทำได้โดยง่ายด้วยการฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี เข็มแรกให้ฉีดเมื่อสุนัขมีอายุ 12 สัปดาห์ แมวก็เช่นเดียวกัน จากนั้นควรฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันเมื่ออายุ 16 สัปดาห์ และฉีดวัคซีนป้องกันเป็นประจำทุกปี
โรคลำไส้อักเสบในสุนัข
เป็นโรคติดเชื้อไวรัสในสุนัขจากเชื้อที่มีชื่อว่า
"พาร์โวไวรัส" มักเกิดขึ้นมากในลูกสุนัข
ทั้งในสุนัขพันธุ์เล็กจนถึงพันธุ์ใหญ่ เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดขึ้นง่ายในภาวะแวดล้อมที่มีการรวมกลุ่มของสุนัข
จำนวนมาก เบื้องต้นสุนัขติดเชื้อจะมีอาการท้องเสียหลังติดเชื้อประมาณ 1-2 สัปดาห์ อาจกลายเป็นหมาซึม เบื่ออาหาร อาเจียน หากถึงขั้นรุนแรงก็อาจมีเลือดปนและเสียชีวิต
เนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบภายในเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์
ชื่อโรคอาจดูไม่รุนแรง แต่ผลของมันอันตรายถึงชีวิต ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสโดยตรง
ดังนั้น การป้องกันที่ดีที่สุดก็คือ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคลำไส้อักเสบ เข็มแรกฉีดตอนสุนัขอายุ
6 สัปดาห์ อีก 2 สัปดาห์
ฉีดกระตุ้นอีกครั้ง มีสัตวแพทย์แนะนำอีกว่าเมื่อถึงวัย 10 สัปดาห์
และ 16 สัปดาห์ ก็ควรฉีดซ้ำเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
เพราะเป็นโรคติดเชื้อที่สำคัญ
โรคไข้หัดสุนัข
เป็นโรคที่เกิดจากสุนัขติดเชื้อไวรัส "ดิสเทมเปอร์ ไวรัส"
แสดงอาการมีไข้ น้ำมูก น้ำตาซึม เบื่ออาหาร ท้องเสีย กล้ามเนื้อกระตุก เดินเซ อาจถึงขั้นเป็นอัมพาต
และมักเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ถึงขั้นรุนแรง แต่เนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หัดสุนัขมีหลายสายพันธุ์
มีทั้งไม่แสดงอาการ และทำให้เกิดโรคอย่างฉับพลัน และบางสายพันธุ์ทำให้สุนัขผอมแห้ง
ทรุดโทรมลงเรื่อยๆ หากสุนัขมีอาการผิดปกติ จึงควรนำส่งสัตวแพทย์เพื่อตรวจรักษา
รวมถึงจัดการสถานที่เลี้ยงให้สะอาด แยกสุนัขป่วยออกจากสุนัขปกติ เพราะติดเชื้อได้ทั้งทางเดินอาหารและทางเดินหายใจ
โรคนี้พบมากในลูก สุนัขช่วงอายุระหว่าง 3-6 เดือน
ซึ่งเป็นช่วงที่ภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากแม่ลดลง ควรให้วัคซีนป้องกันโรคเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสุนัขอายุ
6 สัปดาห์ ฉีดอีกครั้งเมื่อถึงวัย 8 สัปดาห์
หรือตามสัตวแพทย์กำหนด และควรฉีดซ้ำเป็นประจำทุกปี
วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
ความพร้อมในการเลี้ยงสุนัข
การเตรียมความพร้อมในการเลี้ยงสุนัข
1.ความพร้อมของสถานที่ การเลี้ยงสุนัขต้อง
มีสถานที่หรือบริเวณสำหรับให้สุนัขวิ่งเล่นออกกำลังกาย อย่าปล่อยให้สุนัขอยู่แต่ในที่แคบๆ
สิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีเพราะจะทำให้มันซึมและส่งเสียงคราง อุปนิสัยเดิมของสุนัขจะเปลี่ยนไป
ดังนั้นผู้เลี้ยงสุนัขทั้งหลายควรคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสถานที่ให้เหมาะสม กับสุนัขของท่าน
2. ความพร้อมของผู้ที่จะเลี้ยงสุนัข ควรสำรวจตัวเองก่อนว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร และมีเวลาให้กับสุนัขหรือไม่ เช่น ถ้าสถานที่เลี้ยงแคบไม่มีบริเวณให้สุนัขได้วิ่งเล่นออกกำลังกาย แต่อยากจะเลี้ยงแต่ต้องขังเอาไว้ ก็จะไม่ได้อะไรขึ้นมา ผู้เลี้ยงจะได้ยินแต่เสียงเห่าหอนน่ารำคาญเท่านั้น อย่างน้อยผู้เลี้ยงควรจะต้องมีเวลาพาสุนัขออกไปเล่นบ้าง จะทำให้การเลี้ยงสุนัขมีคุณค่ามากขึ้น เช่นฝึกให้สวัสดี หมอบ ยกขา
3. ความรักการเลี้ยงสุนัข ต้องมีความรักเพราะสุนัขต้องการความเอาใจใส่ ความจริงใจและความเสมอต้นเสมอปลาย เพราะบางคนนำสุนัขมาเลี้ยงขณะที่ยังเป็นลูกสุนัขเห็นมันตัวเล็กๆน่ารัก จึงเล่นกับมันและให้ความรักมันมาก แต่พอมันโตขึ้นกลับไม่สนใจมันไม่เล่นกับมัน จะทำให้สุนัขมีนิสัยเปลี่ยนไป อาจจะก้าวร้าวขึ้น ไม่เชื่อฟังได้
4. ความเอาใจใส่ในชีวิตประจำวัน เมื่อสุนัขเกิดอาการไม่สบาย มันไม่สามารถบอกเจ้าของเองได้ เจ้าของจึงต้องคอยสังเกตสุนัขด้วย นอกเหนือจากการให้อาหารและน้ำดื่มแล้ว หากพบสิ่งผิดปกติควรรีบนำสุนัขไปพบแพทย์ทันที
2. ความพร้อมของผู้ที่จะเลี้ยงสุนัข ควรสำรวจตัวเองก่อนว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร และมีเวลาให้กับสุนัขหรือไม่ เช่น ถ้าสถานที่เลี้ยงแคบไม่มีบริเวณให้สุนัขได้วิ่งเล่นออกกำลังกาย แต่อยากจะเลี้ยงแต่ต้องขังเอาไว้ ก็จะไม่ได้อะไรขึ้นมา ผู้เลี้ยงจะได้ยินแต่เสียงเห่าหอนน่ารำคาญเท่านั้น อย่างน้อยผู้เลี้ยงควรจะต้องมีเวลาพาสุนัขออกไปเล่นบ้าง จะทำให้การเลี้ยงสุนัขมีคุณค่ามากขึ้น เช่นฝึกให้สวัสดี หมอบ ยกขา
3. ความรักการเลี้ยงสุนัข ต้องมีความรักเพราะสุนัขต้องการความเอาใจใส่ ความจริงใจและความเสมอต้นเสมอปลาย เพราะบางคนนำสุนัขมาเลี้ยงขณะที่ยังเป็นลูกสุนัขเห็นมันตัวเล็กๆน่ารัก จึงเล่นกับมันและให้ความรักมันมาก แต่พอมันโตขึ้นกลับไม่สนใจมันไม่เล่นกับมัน จะทำให้สุนัขมีนิสัยเปลี่ยนไป อาจจะก้าวร้าวขึ้น ไม่เชื่อฟังได้
4. ความเอาใจใส่ในชีวิตประจำวัน เมื่อสุนัขเกิดอาการไม่สบาย มันไม่สามารถบอกเจ้าของเองได้ เจ้าของจึงต้องคอยสังเกตสุนัขด้วย นอกเหนือจากการให้อาหารและน้ำดื่มแล้ว หากพบสิ่งผิดปกติควรรีบนำสุนัขไปพบแพทย์ทันที
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)